ปี
ซม.
กก.
ดัชนีมวลกายของคุณ
--
กก./ม.²
--
ผอม ปกติ น้ำหนักเกิน อ้วน
ช่วงน้ำหนักที่เหมาะสม --
น้ำหนักปัจจุบัน --
ส่วนต่างจากเกณฑ์ --
📋 หมวดหมู่ BMI (WHO)
หมวดหมู่ BMI (กก./ม.²)
ผอม (Underweight) < 18.5
ปกติ 18.5 - 24.9
น้ำหนักเกิน (Overweight) 25 - 29.9
อ้วน (Obese) ≥ 30
ℹ️ เกี่ยวกับ BMI

ดัชนีมวลกาย (BMI) หรือ Body Mass Index คือค่าที่ใช้ประเมินว่าน้ำหนักตัวของบุคคลสมส่วนกับส่วนสูงหรือไม่


สูตร BMI:

BMI = น้ำหนัก (กก.) ÷ ส่วนสูง² (ม.)


ข้อจำกัด:

  • ไม่แยกความแตกต่างระหว่างมวลกล้ามเนื้อและไขมัน
  • อาจไม่แม่นยำสำหรับนักกีฬาและนักเพาะกาย
  • ไม่ได้พิจารณาการกระจายตัวของไขมัน

ดัชนีมวลกาย (BMI) คืออะไร?

ดัชนีมวลกาย (BMI) หรือ Body Mass Index คือวิธีวัดที่ใช้ประเมินว่าน้ำหนักตัวของบุคคลอยู่ในช่วงที่ดีต่อสุขภาพหรือไม่โดยอิงจากส่วนสูง BMI ถูกพัฒนาครั้งแรกโดย Adolphe Quetelet นักคณิตศาสตร์ชาวเบลเยียม ในศตวรรษที่ 19 และยังคงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสุขภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน

เครื่องคำนวณ BMI ฟรีของเราใช้ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) เพื่อให้การจำแนกหมวดหมู่ที่แม่นยำตามมาตรฐานสากล

วิธีคำนวณ BMI

การคำนวณ BMI ทำได้ง่ายมากและต้องการข้อมูลเพียงสองอย่าง: น้ำหนักและส่วนสูง สูตรที่ใช้คือ:

BMI = น้ำหนัก (กก.) ÷ ส่วนสูง² (ม.²)

ตัวอย่างการคำนวณ:

หากบุคคลมีน้ำหนัก 70 กก. และส่วนสูง 170 ซม. (1.7 ม.):

  • ส่วนสูงยกกำลังสอง: 1.7 × 1.7 = 2.89 ม.²
  • BMI = 70 ÷ 2.89 = 24.2 กก./ม.²
  • ผลลัพธ์: หมวดหมู่ปกติ

การจำแนก BMI ตาม WHO

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดการจำแนก BMI ที่ใช้ทั่วโลกสำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป:

หมวดหมู่ ช่วง BMI (กก./ม.²) คำอธิบาย
ผอมมาก < 16.0 น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์อย่างรุนแรง
ผอมปานกลาง 16.0 - 16.9 น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปานกลาง
ผอมเล็กน้อย 17.0 - 18.4 น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย
ปกติ 18.5 - 24.9 น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
น้ำหนักเกิน (Overweight) 25.0 - 29.9 น้ำหนักเกินเกณฑ์
อ้วนระดับ 1 30.0 - 34.9 โรคอ้วนระดับเล็กน้อย
อ้วนระดับ 2 35.0 - 39.9 โรคอ้วนระดับปานกลาง
อ้วนระดับ 3 ≥ 40.0 โรคอ้วนระดับรุนแรง

ทำไม BMI จึงสำคัญต่อสุขภาพ?

BMI เป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นที่มีประโยชน์ในการระบุความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องมือวินิจฉัยที่สมบูรณ์แบบ แต่ BMI สามารถช่วยตรวจหา:

ความเสี่ยงด้านสุขภาพจากน้ำหนักเกิน:

  • โรคหัวใจ: โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
  • เบาหวานชนิดที่ 2: น้ำหนักเกินเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของเบาหวาน
  • ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูงพบได้บ่อยในผู้ที่มี BMI สูง
  • ปัญหาข้อต่อ: โรคข้อเสื่อมและอาการปวดข้อจากน้ำหนักมากเกินไป
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: ความผิดปกติของการหายใจขณะนอนหลับ
  • มะเร็งบางชนิด: เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และอื่นๆ

ความเสี่ยงด้านสุขภาพจากน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์:

  • ภาวะทุพโภชนาการ: ขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ
  • โรคกระดูกพรุน: ความหนาแน่นของกระดูกลดลง เสี่ยงกระดูกหักมากขึ้น
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • โรคโลหิตจาง: ขาดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรง
  • ปัญหาภาวะเจริญพันธุ์: โดยเฉพาะในผู้หญิง

💡 รู้หรือไม่? ในประเทศไทย อัตราความชุกของโรคอ้วนในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ประมาณ 32.6% ของผู้ใหญ่ไทยมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน การติดตาม BMI เป็นประจำสามารถช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้

ข้อจำกัดของ BMI ที่ควรรู้

แม้ว่า BMI จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่มีข้อจำกัดบางประการที่ควรทราบ:

  • ไม่แยกประเภทของมวล: BMI ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างมวลกล้ามเนื้อ ไขมัน กระดูก และน้ำในร่างกายได้
  • ไม่แม่นยำสำหรับนักกีฬา: นักเพาะกายหรือนักกีฬาที่มีมวลกล้ามเนื้อสูงอาจมี BMI สูงแม้ว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายจะต่ำ
  • ไม่พิจารณาการกระจายตัวของไขมัน: ไขมันหน้าท้อง (visceral fat) อันตรายกว่าไขมันในส่วนอื่นของร่างกาย แต่ BMI ไม่ได้วัดสิ่งนี้
  • ความแตกต่างทางเชื้อชาติ: มาตรฐาน BMI อาจต้องปรับสำหรับประชากรเอเชียที่มีแนวโน้มมีความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ BMI ต่ำกว่า
  • ปัจจัยอายุ: ผู้สูงอายุมักสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ดังนั้น BMI อาจไม่สะท้อนองค์ประกอบร่างกายของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ

BMI สำหรับเด็กและวัยรุ่น

สำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 2-20 ปี การตีความ BMI แตกต่างจากผู้ใหญ่ CDC แนะนำให้ใช้เปอร์เซ็นไทล์ BMI ตามอายุและเพศ:

เปอร์เซ็นไทล์ หมวดหมู่
< 5 น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
5 - 84 น้ำหนักปกติ
85 - 94 เสี่ยงน้ำหนักเกิน
≥ 95 น้ำหนักเกิน / โรคอ้วน

เคล็ดลับเพื่อให้ได้ BMI ที่ดีต่อสุขภาพ

หากผลลัพธ์ BMI ของคุณแสดงว่าน้ำหนักต่ำกว่าหรือมากกว่าเกณฑ์ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการเพื่อให้ได้น้ำหนักที่เหมาะสม:

สำหรับการลดน้ำหนัก:

  1. ลดปริมาณแคลอรีลงทีละน้อย (500-750 แคลอรีต่อวัน)
  2. เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ และโปรตีนไม่ติดมัน
  3. จำกัดอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว
  4. ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ (8 แก้วต่อวัน)
  6. นอนหลับให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน)

สำหรับการเพิ่มน้ำหนัก:

  1. เพิ่มปริมาณแคลอรีด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
  2. กินบ่อยขึ้น (5-6 มื้อต่อวันในปริมาณน้อยลง)
  3. เลือกอาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร เช่น ถั่ว และอะโวคาโด
  4. ออกกำลังกายแบบเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
  5. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนอาหารเพื่อไม่ให้อิ่มเร็ว

คำถามที่พบบ่อย

BMI ที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือเท่าไหร่?
สำหรับประชากรเอเชียรวมถึงคนไทย ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำ BMI ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 18.5-22.9 กก./ม.² อย่างไรก็ตาม มาตรฐานของ WHO (18.5-24.9) ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นเกณฑ์อ้างอิงทั่วไป
BMI แม่นยำสำหรับทุกคนหรือไม่?
ไม่เสมอไป BMI แม่นยำที่สุดสำหรับประชากรทั่วไป แต่อาจไม่แม่นยำสำหรับนักกีฬา นักเพาะกาย หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง
ควรตรวจ BMI บ่อยแค่ไหน?
สำหรับผู้ใหญ่ที่แข็งแรง การตรวจ BMI ทุก 3-6 เดือนก็เพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในโปรแกรมลดหรือเพิ่มน้ำหนัก แนะนำให้ตรวจทุกเดือน
BMI กับเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายเหมือนกันหรือไม่?
ไม่ BMI วัดเพียงอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูง ในขณะที่เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายวัดสัดส่วนของไขมันในร่างกาย ทั้งสองเป็นตัวชี้วัดที่แตกต่างกันและเสริมซึ่งกันและกัน
ถ้า BMI ปกติแต่หน้าท้องใหญ่ล่ะ?
ภาวะนี้เรียกว่า "normal weight obesity" หรือโรคอ้วนที่มีน้ำหนักปกติ คุณอาจมีไขมันในช่องท้อง (visceral fat) มากเกินไปแม้ BMI จะปกติ ควรวัดรอบเอวและปรึกษาแพทย์
เครื่องคำนวณนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น กรุณาปรึกษาแพทย์เพื่อการประเมินสุขภาพที่แม่นยำ